ทำไมเบี้ยไม่เท่ากัน? เฉลยปัจจัยที่ส่งผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์ของคุณ

การเลือกซื้อประกันรถยนต์ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเพียงแค่เลือกบริษัทที่ดี แต่ยังได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ นอกจากประวัติการขับขี่ของคุณแล้ว ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง มาดูกันว่าปัจจัยอะไรบ้างที่อาจมีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์ของคุณ

เบี้ยประกันรถยนต์ คือ เงินที่เจ้าของรถต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันเพื่อแลกกับความคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถและบุคคลอื่นๆ จากการขับขี่ ซึ่งราคาเบี้ยประกันรถยนต์นั้นมีความแตกต่างขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ปัจจัยด้านตัวรถ ปัจจัยด้านผู้เอาประกัน และปัจจัยอื่นๆ โดยปัจจุบันนอกจากการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์โดยการติดต่อเจ้าหน้าที่ประกันแล้ว ผู้ขับขี่ยังสามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ในหลายบริษัทเช่นกัน

ตัวรถยนต์มีผลต่อเบี้ยประกันยังไงบ้าง?

  • ประเภทรถ : รถประเภทต่างๆ มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่แตกต่างกันประเภทของรถยนต์ เช่น รถเก๋ง, รถอเนกประสงค์, รถกระบะ หรือรถบรรทุก สามารถมีผลต่อเบี้ยประกันได้
  • ขนาดเครื่องยนต์ : ขนาดเครื่องยนต์มีผลต่ออัตราการเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันรถยนต์หลายบริษัทจึงคำนึงถึงขนาดเครื่องยนต์ประกอบการพิจารณาเบี้ยประกันด้วย
  • รุ่นรถ : รถรุ่นใหม่ๆ มักมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยกว่า ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุลดลง เบี้ยประกันรถยนต์ในรถรุ่นใหม่จึงอาจน้อยกว่ารถรุ่นเก่า
  • ปีที่ผลิต : รถที่มีอายุการใช้งานนานกว่า อาจมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า มาจากเทคโนโลยีหรืออายุของรถที่ส่งผลให้มีความเสี่ยงมากขึ้น
  • จังหวัดที่จดทะเบียนรถ : พื้นที่ในการใช้รถในแต่ละจังหวัดมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือการถูกขโมยที่แตกต่างกัน เนื่องจากเป็นไปได้ยากที่บริษัทประกันรถยนต์จะสามารถติดตามพื้นที่การใช้รถได้ หลายบริษัทจึงเลือกใช้จังหวัดที่จดทะเบียนรถในการพิจารณาเบี้ยแทน

ผู้เอาประกันมีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์ยังไงบ้าง?

  • เพศ : ผู้ชายมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าผู้หญิง ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุพบว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ 76.59% เป็นเพศชาย
  • อายุ : อายุมีส่วนในการพิจารณาเบี้ยประกัน ซึ่งจากข้อมูลของสสส. จาก ThaiPBS กลุ่มอายุ 16-30 ปี เป็นกลุ่มที่เสียชีวิตสูงสุดจากอุบัติเหตุรถยนต์ แต่ปัจจุบันมีสัดส่วนลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่กลุ่มอายุ 46-60 ปี และกลุ่มที่อายุมากกว่า 60 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจนสัดส่วนใกล้เคียงกัน ซึ่งสัมพันธ์กับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของไทย
  • อาชีพ : ผู้เอาประกันที่มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการขับรถมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า หากเป็นอาชีพที่มีการขับขี่บ่อย บริษัทประกันรถยนต์บางบริษัทอาจเลือกไม่ประกันให้ผู้ขับขี่
  • ประวัติการเคลม : ผู้เอาประกันที่มีประวัติการเคลมบ่อยครั้ง อาจมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า

ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์ เช่น

  • กล้องติดหน้ารถ : กล้องติดหน้ารถสามารถช่วยให้หลักฐานที่สำคัญประกอบการเคลมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันรถยนต์บางบริษัทอาจมีการให้ส่วนลดเมื่อมีการติดกล้องหน้ารถ
  • ระยะเวลาการเอาประกัน : ระยะเวลาการเอาประกันที่นานกว่าจะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่า
  • ความคุ้มครอง : ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่าจะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่า เช่น เบี้ยประกันรถยนต์ ชั้น 1 จะมีราคาที่สูงกว่าและให้การครอบคลุมมากกว่าเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 2 โดยประกันรถยนต์หลายเจ้ามีการเพิ่มตัวเลือกให้สามารถปรับแต่งความคุ้มครองให้ผู้ขับขี่มีตัวเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมในราคาที่พอใจได้ 

ผู้เอาประกันสามารถเลือกเปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์จากบริษัทประกันต่างๆ เพื่อให้ได้เบี้ยประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ ในปัจจุบันการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ออนไลน์ก็เป็นที่นิยมและสามารถทำได้ง่าย ซึ่งการกำหนดเบี้ยประกันรถยนต์เป็นกระบวนการซับซ้อนที่ผู้ให้บริการประกันรถยนต์ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยเพื่อประเมินความเสี่ยง และดัดแปลงราคาให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ การประเมินเบี้ยประกันจึงอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทประกันและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง

แชร์บทความนี้