น้ำท่วมรถทําไง? กับวิธีการตรวจเช็ครถยนต์หลังขับลุยน้ำท่วมมา

เข้าสู่ช่วงหน้าฝนอย่างเป็นทางการ บวกกับพายุที่พัดเข้าบ้านเราลูกแล้วลูกเล่า น้ำรอระบาย มีให้เห็น ขับรถไปไหนก็เจอในหลาย ๆ เส้นทางที่คุณต้องผ่าน ถ้าน้ำท่วมรถ ทำไง? ขับผ่านมาได้กับเส้นทางที่น้ำท่วมขังใช่ว่าจะจบ ต้องมีการดูแลทันที ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสียต่อรถของคุณได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

และกับ วิธีดูแลรถ หลังน้ำท่วม แบบ “ทำทันที” ที่วันนี้เราได้นำมาฝาก จะช่วยบอกคุณถึงสิ่งที่ต้องทำหลังจากใช้รถลุยน้ำท่วมมา ไม่ใช่แค่ ล้างรถน้ำท่วม แล้วจะจบเพราะมันมีรายละเอียดที่คุณต้องดูแลรถที่รักของคุณมากกว่านั้น จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลย

น้ําท่วมรถทําไง ทำไมถึงปล่อย “เลยตามเลย” ไม่ได้

ระดับน้ำท่วมสูงก็จริงแต่รถก็ขับผ่านลุยมาได้จนถึงปลายทาง หลายคนคงสงสัยว่าทำไมต้องดูแล จอดรถตากแดดธรรมดาก็ได้ไม่ใช่หรือ แต่นั่นอาจไม่พอ! เพราะความชื้นจากการที่รถต้องลุยน้ำมาอาจตกค้างอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของตัวรถได้ ซึ่งอาจเหมารวมไปด้วยกับจุดสำคัญในการทำงานของรถ ทั้งเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ไปจนถึงภายในห้องโดยสาร

ทำไม วิธีดูแลรถหลังน้ำท่วม ถึงสำคัญ

ป้องกันน้ำท่วมรถ ความเสียหายต่อเนื่องจากการที่รถต้องลุยน้ำ หลังจากขับผ่านน้ำท่วมขังมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระดับน้ำสูง ๆ ยิ่งต้องรีบตรวจหาความชื้น ส่วนที่โดนน้ำบริเวณใต้ท้องรถอาจส่งผลต่อเนื่องกับการทำงานของรถคุณไม่ช้าก็เร็ว ขับผ่านมาได้แต่ใช่ว่าจะปล่อยเลยตามเลย ต้องมีการดูแล ตรวจสอบ จัดการที่ดีและตรงจุด ถ้าไม่อยากให้รถของคุณต้องเสียหายหรือเจอกับค่าซ่อมอันแสนแพงที่ทำให้กระเป๋าแฟรบ ไปจนถึงประสิทธิภาพในการขับขี่ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณได้ในช่วงระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที

4 จุดต้อง “เช็กและดูแลทันที” เมื่อขับรถลุยน้ำ มีตรงไหนบ้าง

จุดสำคัญที่คุณต้องตรวจเช็กประสิทธิภาพการทำงานหลังจาก ขับรถลุยน้ำท่วม รถลุยน้ำได้ก็จริงแต่การดูแลต้องถึง และต่อไปนี้คือ 4 จุดที่คุณต้องดูแลทันที

  • น้ำมันเครื่อง

สำคัญที่สุด! เพราะส่งผลเสียรุนแรงที่ส่วนของเครื่องยนต์ ถ้ามีน้ำเข้าไปผสมกับน้ำมันเครื่องต้องรีบเปลี่ยนถ่ายออกทันที วิธีตรวจเช็กว่ามีน้ำเข้าไปหรือเปล่านั้นก็ไม่ยาก เพียงดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา แล้วสังเกตสีของน้ำมันเครื่อง ถ้าสีดำปกติก็ดีไป แต่ถ้ามีเป็นสีจาง ๆ เหมือนน้ำนมเพราะเกิดจากการผสมกันระหว่างน้ำมันเครื่องกับน้ำ ควรรีบขับรถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ทันทีก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ของรถคุณ

  • ระบบไฟ

ระบบไฟของรถยังไงก็ไปด้วยกันได้ยากกับ “ความชื้น” ที่มาในตอน ขับรถผ่านน้ำท่วม และตอนที่คุณเจออาการ รถลุยน้ำ ดับ สตาร์ทไม่ติด ก็เป็นไปได้ที่น้ำจะไปทำความเสียหายให้กับระบบไฟของรถคุณ ดังนั้นควรทำให้แห้งที่สุด เปิดห้องเครื่องแล้วใช้ลมเป่าให้แห้งในทุกจุด หรือจะเลือกเปิดฝากระโปรงตากแดดไว้เลยก็ได้เพื่อช่วยให้แดดช่วยไล่ความชื้น แล้วตรวจสอบการทำงานของฟีเจอร์ต่าง ๆ ว่ายังทำงานปกติหรือไม่ ถ้ามีปุ่มไหนอยู่ดี ๆ พัง ก็สันนิษฐานได้เลยว่าอาจจะเป็นเพราะโดนความชื้นเข้าเล่นงาน ควรรีบขับเข้าอู่เพื่อแก้ไขหาสาเหตุก่อนจะลุกลามจนทำให้ส่วนต่าง ๆ พังตาม ๆ กัน

  • พรมภายในห้องโดยสาร

น้ำท่วมบางทีระดับน้ำไม่ได้สูง แต่จังหวะที่รถคันอื่นขับผ่านรถคุณอาจทำให้เข้ามาในห้องโดยสารได้ ขับรถลุยน้ำ น้ำเข้ารถ ให้คุณขับรถไปจอดที่แดดแรง ๆ เปิดประตูทุกบานให้ความร้อนช่วยไล่ความชื้นที่อาจมีตกค้างกับพรมภายในห้องโดยสาร แต่ถ้ามีน้ำขังส่วนของที่วางเท้าในห้องโดยสาร ก็อาจต้องถอดพรมออกมาซักเพื่อทำความสะอาด ซึ่งดีกว่าปล่อยให้แห้ง ๆ ไปกับน้ำสกปรก

  • ระบบเบรก

จานเบรก ถ้าเจอความชื้นจะทำให้เกิดสนิม ขับรถลุยน้ำ เบรกดัง หลังขับลุยน้ำท่วมมาจึงไม่ควรขับรถเร็วเพราะควรใช้วิธีการค่อย ๆ เบรกให้ผ้าเบรกช่วยขัดสนิมออกไปก่อน นอกจากนี้ความชื้นอาจยังมีติดค้างอยู่ในระบบเบรก ทั้งส่วนของผ้าเบรก ปั้มเบรก ก็ควรใช้ลมแรงเป่าไล่ความชื้นออกไปก่อนด้วย

และทั้งหมดนี้ คือที่เรานำมาฝาก วิธีที่จะช่วยคุณฟื้นสภาพรถที่ต้องลุยน้ำท่วม ให้กลับมาใช้งานปกติได้เหมือนไม่มีอะไร ที่สำคัญป้องกันความเสียหายต่อเนื่องจากความชื้นที่มากับน้ำท่วมอีกด้วย ลองนำไปปรับใช้กันดู เราเชื่อว่าทุกคนได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอนโดยเฉพาะกับช่วงที่ฝนตกแทบจะวันเว้นวัน

แชร์บทความนี้