การดูแลและหมั่นเช็กรถยนต์เป็นสิ่งที่คนรักรถควรทำสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถแต่เนิ่น ๆ พร้อมทั้งสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ดีกว่าไม่รู้และปล่อยจนปัญหาบานปลายแก้ไม่ตก ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายราคาแพง ดีไม่ดี นั่นอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ทางที่ดีหาวันว่าง แล้วมาเช็กรถตามนี้กันดีกว่าไหม?
1.เช็กยาง
ตรวจดูสภาพยางทั้ง 4 ล้อ และยางอะไหล่ ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ ตรวจดูลมยางของแต่ละล้อ ว่ามีล้อไหนลมหายไปเยอะผิดปกติกว่าเส้นอื่น มองหาร่องรอยของการขูด รูรั่ว รอยบาดต่าง ๆ รวมถึงรอยแตกในยาง หากพบปัญหาก็รีบนำรถเข้าร้านยางเพื่อแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ก็ควรตรวจสอบวันที่ผลิตของยางด้วย ถ้าพบว่ายางมีอายุเกินกว่าหกปี ก็สมควรเปลี่ยนยางใหม่ได้แล้ว
2.ผ้าเบรก
วิธีตรวจผ้าเบรกมีหลายวิธี ได้แก่การฟังเสียงเวลาเบรกรถ หากมีเสียงคล้าย ๆ กับเหล็กสีกัน นั่นแสดงว่าผ้าเบรกจะหมดแล้ว เพราะเสียงที่ดังคือเสียงของหมุดที่ยึดกับผ้าเบรกแล้วไปสีกับจานเบรกจึงมีเสียงดัง ซึ่งผ้าเบรกหากมีความหนาอยู่เวลาเบรก จานเบรกจะไม่ไปสีกับหมุดผ้าเบรก นอกจากนี้อาจมองที่ดิสก์เบรกหน้า หากมองดี ๆ จะเห็นแผ่นผ้าเบรก และสังเกตได้ว่าเหลือความหนาเท่าไร หรืออาจดูจากระดับน้ำมันเบรกในกระปุกถ้าลดลงเยอะแสดงว่าผ้าเบรกสึกเยอะแล้ว หากพบมีปัญหาก็นำรถเข้าอู่แก้ไขได้เลย
3.ระดับน้ำหล่อเย็น
ตอนเช้า ๆ ก่อนสตาร์ทรถ ขณะที่เครื่องยนต์ยังไม่มีความร้อน ให้ทำการเปิดฝาหม้อน้ำออกมาดู หากสีสภาพแย่มากก็สมควรจะต้องทำการเปลี่ยนถ่ายออกมา อีกจุดที่สามารถดูได้นั้นก็คือถังพักน้ำสำรอง ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายที่แนะนำ คือ ทุก ๆ 40,000 กม. หรือทุก ๆ 2 ปี
4.ตัวรถยนต์ (สีและรอยต่าง ๆ)
เมื่อรถจอดอยู่ที่บ้านหมั่นดูตัวรถยนต์ สี รอยต่าง ๆ ว่าเกิดขึ้นหรือไม่ หากมีก็ให้รีบทำการลบริ้วรอยเหล่านั้นด้วยขั้นตอนง่าย ๆ คือ
- สำรวจรอยขีดข่วนว่าใช้น้ำยาลบรอยได้หรือไม่
- ล้างทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ที่เป็นรอยขีดข่วนเพื่อเอาฝุ่นออก
- ใช้ผ้าซับน้ำและเช็ดให้แห้ง
- บีบน้ำยาลงบนผ้าเล็กน้อยแล้วถูบริเวณรอยขีดข่วน
- ถ้ายังไม่ออกใช้ผ้าถูย้ำ ๆ จนรอยขีดข่วนกลืนเป็นสีเดียวกับสีรถ
- นำผ้าแห้งเช็ดน้ำยาลบรอยขีดข่วนออกให้หมด
- นำผ้าชุบน้ำยาเคลือบสีรถ เช็ดเป็นวงกลมคล้าย ๆ ก้นหอย เพื่อเคลือบสีและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสีรถ
- เช็ดน้ำยาที่เคลือบออกให้หมดก็เป็นอันเสร็จ
5.การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
โดยปกติควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก ๆ 5,000 กม. แต่ก็ต้องดูด้วยว่ารถเราใช้น้ำมันเครื่องแบบไหน
- น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา ควรเปลี่ยนทุก ๆ 3,000 – 5,000 กม. หากเป็นน้ำมันเครื่องราคาถูกเน้นเปลี่ยนบ่อย แต่ไม่เหมาะกับรถใหม่
- น้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนทุก ๆ 5,000 – 10,000 กม. ขึ้นอยู่กับสภาวะการใช้งาน ราคากลาง ๆ ใช้ได้ทั้งรถใหม่และรถเก่า
- น้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ ควรเปลี่ยนทุก ๆ 10,000 – 20,000 กม. ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ราคาแพง แต่คุณภาพสูง
- ถ้าสภาพแวดล้อมอยู่ในเมือง ไม่มีฝุ่นมาก ไม่ได้ขับเร็วมาก ๆ ก็ใช้ได้ 10,000 กม.
- ถ้าสภาพแวดล้อมมีฝุ่นมาก ๆ เช่น ถนนในไร่สวน หรือขับรถเร็วมาก ๆ ก็ให้เปลี่ยนทุก ๆ 5,000 กม. แต่ถ้าในระยะ 6 เดือน ถ้าไม่ได้ใช้รถให้ถึงเลขไมล์ ก็ควรเปลี่ยนถ่ายได้แล้ว